แน่นอนว่านอกจาก Tobacco Company แล้วก็ต้องมีรัฐบาลที่กำลังเต้นเป็นจ้าวเข้าอยู่ในตอนนี้ ตั้งแต่บุหรี่เริ่มขายได้น้อยลง และยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่คนเริ่มที่จะยอมรับ electronic cigarette ทั้งใน U.S. – U.K. และก็ประเทศที่มีองค์กรหิวเงินทั้งหลายที่มีเอี่ยวกับ Phillips Morris บริษัทผลิดบุหรี่ที่ใหญ่และมีอำนาจบาทใหญ่ด้วยการใช้เงินอัดใครก็ได้เสมอมา
แล้วยังไงต่อ แน่นอนว่า P.M (phillips morris) ก็ต้องทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ electronic cigarette เสียเครดิต ทำให้คนเห็นว่ามันอันตราย หลายคนสงสััยว่า P.M. คงจะอัดเงินมากมายให้ FDA (ผู้ดูแลความปลอดภัยด้านยาและอาหารในอเมริกา) เพื่อไม่ให้ electronic cigarette ถูกกฎหมาย และกลายเป็นบุหรี่เพื่อสุขภาพ ลองนึกภาพดูว่าถ้า electronic cigarette มีขายตาม 7/11 ใครจะเดือดร้อนที่สุด ดังนั้นผมว่าไม่ต้องอัดเงิน รัฐบาลก็คงต้องไม่อยากเห็น e-cigarette ได้ผุดได้เกิดอยู่แล้ว เพราะมันเงินทั้งนั้น ภาษีบุหรี่แพงจะตายชัก
เมื่อไม่กลางปี 2009 ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ทาง FDA ก็ได้ทดสอบ electronic cigarette เพื่อจับผิดให้ได้ว่าจะเล่นงานเครื่องมือเลิกบุหรี่นี้ยังไงดี แต่ก็ดั้นพบในสิ่งที่ตรงกันข้าม
ก็คือ e-cigarette หรือบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดที่นำมาทดสอบจาก 20 ตัว มีอยู่แค่ตัวเดียว ที่มีสารก่อมะเร็ง (carcinogens) แถมยังมีน้อยมาก แบบว่าถ้าเทียบกับบุหรี่ Marlboro จริงแล้วละก็ 1/60 เลยทีเดียว พูดอีกอย่างคือ 1 ใน 20 ของบุหรี่ไฟฟ้า จะมีสารก่อมะเร็งแค่ตัวเดียว (เนื่องจากสินค้ามาจากโรงงานที่ไม่ได้มาตราฐาน) แต่ถึงแม้จะมีก็มีน้อยกว่าบุหรี่จริงมากมายจนไม่กล้าไปบอกใคร
แต่เรื่องที่ FDA ค้นพบก็รั่วไหลจนทำให้ electronic cigarette โด่งดังเข้าไปอีก สุดท้ายบริษัท P.M. ก็คงต้องกลุ้ม แต่แหม ผมว่าบุหรี่ยังคงไม่เจ้งง่ายๆ หรอก คนที่ไม่อยากเลิกบุหรี่มีถมไป น่าจะมากกว่าครึ่งเลยด้วยซ้ำ แค่กำไรหายนิดๆ หน่อยๆ คงไม่ตายหรอกมั้ง ทำเงินกับมะเร็งมาตั้งนานขนาดนั้น น่าจะรู้จักเป็นผู้ให้บ้าง แต่ก็นั่นแหละคำว่าองค์กรมันไม่มีตัวตนอยู่แล้ว โดยเฉพาะองค์กรนรกอย่างบริษัทบุหรี่ทั้งหลาย
บทความจาก http://www.ecigguy.com
วันที่: Fri Dec 27 23:18:42 ICT 2024
|
|
|