American Association of Public Health Physicians
The voice of public health physicians, guardians of the publics health
Tobacco Control Task ForceJoel L. Nitzkin, MD, MPH, DPA Chair, AAPHP TCTF
504 899 7893 or 800 598 2561; E-mail:
jln@jln-md.com
www.aaphp.org
April 2, 2010
AAPHP Statement re State Regulation of E-cigarettes
สมาคมแพทย์ด้านสาธารณสุขอเมริกัน (American Association of Public Health Physicians-AAPHP) ออกคำแนะนำให้กับรัฐเกี่ยวกับการออกกฎหมายห้ามหรือจำกัดการจำหน่ายและการใช้เครื่องพ่นไอนิโคติน (ซึ่งโดยปกติจะรู้จักในนาม e-cigarette หรือ electronic cigarettes)
1. ควรอนุญาตจำหน่ายให้กับผู้ใหญ่ได้
2. ควรห้ามจำหน่ายให้กับผู้เยาว์
3. AAPHP ขอสงวนความคิดเห็นต่อคำถามที่ว่าควรจะห้ามบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในบริเวณห้ามสูบบุหรี่หรือไม่
บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช่บุหรี่ มันเป็นโลหะทรงกระบอกที่ถูกทำให้ดูเหมือนบุหรี่ โดยมีแบตเตอรี่ ตัวทำความร้อนและคาทริดจ์ บรรจุสารที่จะถูกทำให้เป็นไอ สารนี้โดยปกติมักจะเป็นส่วนผสมของ propylene glycol กลีเซอรีน กลิ่นรสและนิโคตินในปริมาณที่ระบุไว้ เมื่อผู้สูดไอ (vaper) สูดไอเข้าไปหลอด LED สว่างขึ้นเพื่อทำให้อุปกรณ์นี้ดูเหมือนบุหรี่มากยิ่งขึ้น และเมื่อเขาพ่นลมออก จะมีหมอกของไอน้ำที่มองเห็นได้ออกมาและจะหายไปภายใน 2-3 วินาที
ผม (ดร. Joel Nitzkin) และองค์กร (AAPHP) มิได้รับหรือคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินใดๆ จากองค์กรที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ ยาสูบหรือเวชภัณฑ์
AAPHP เห็นชอบกับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์เพราะมีความเป็นไปได้จริง ที่จะช่วยรักษาชีวิตของผู้สูบบุหรี่ชาวอเมริกัน 4 ล้านคนจาก 8 ล้านคนที่อาจจะต้องเสียชีวิตจากอาการป่วยที่เกิดจากยาสูบใน 20 ปีข้างหน้านี้
หนทางเดียวที่เป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ทางด้านสาธารณสุขอันน่าทึ่งนี้ก็คือ ต้องทำให้ผู้สูบบุหรี่ทราบถึงความเสี่ยงที่แตกต่างกันของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ให้นิโคติน ซึ่งในทั้งหมดนี้ เป็นการบริโภคบุหรี่ 80% (ในสหรัฐ) แต่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยและตายมากกว่า 98% อันตรายนี้ไม่ได้เกิดจากนิโคติน แต่มาจากสารพิษจากการเผาไหม้ ผู้สูบบุหรี่แต่ละคนสามารถลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากยาสูบได้ 98% หรือมากกว่า โดยการเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ปราศจากควันซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ เขาสามารถลดความเสี่ยงนี้ได้ 99.9% หรือมากกว่าโดยการเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่ส่งผ่านนิโคตินเพียงอย่างเดียวเช่น ผลิตภัณฑ์ยาหรือบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์
ประสบการณ์ที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์น่าจะเป็นที่ยอมรับของผู้สูบบุหรี่ได้มากกว่าผลิตภัณฑ์ยาทางเลือกอื่นๆ ที่มีในปัจจุบัน ผู้สูบบุหรี่สามารถได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพเกือบทั้งหมดจากการเลิกสูบบุหรี่โดยการเปลี่ยนไปใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์
แน่นอน การเลิกสูบบุหรี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในแต่ละปี มีผู้สูบประมาณ 3% ที่ประสบความสำเร็จในการเลิกสูบบุหรี่ ถ้ามีการใช้ผลิตภัณฑ์ยาเพื่อการเลิกสูบบุหรี่อย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มเป็น 7% ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ยานี้ทำให้ผู้ที่ลองใช้ไม่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ถึง 93% ถึงแม้จะเป็นผู้ที่มีความรู้และผู้ที่มีที่ปรึกษาทางสุขภาพที่ดีที่สุด สำหรับผู้ที่ไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะเลิก การใช้ผลิตภัณฑ์ส่งผ่านนิโคตินทางเลือกในระยะยาวสามารถทำให้ได้รับประโยชน์เกือบทั้งหมดของการเลิกสูบบุหรี่
บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์สามารถและควรจะถูกทำตลาดว่าเป็นสิ่งทดแทนบุหรี่ปกติสำหรับผู้สูบที่ไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะเลิกสูบ
รัฐสภาและ FDA ควรมองบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในแง่นี้และออกกฎควบคุมการทำตลาดให้สะท้อนถึงวัตถุประสงค์นี้เช่นกัน
การจำหน่ายให้กับผู้เยาว์ควรถูกห้าม ใครก็ตามที่มิได้ติดนิโคตินในขณะที่เป็นผู้เยาว์ มันก็ไม่มีแนวโน้มว่าผู้นั้นจะติดนิโคตินในอนาคต
บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ส่งผ่านนิโคตินแบบเดียวกันกับที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ยา โดยไม่มีการปนเปื้อนสารพิษที่มากกว่าผลิตภัณฑ์ยาที่ FDA ได้อนุมัติ Propylene glycol และกลีเซอรีนถูกใช้เป็นตัวนำส่งนิโคตินซึ่งจะทำให้เกิดไอที่มองเห็นได้ สารเหล่านี้โดยทั่วไปแล้วถือว่าปลอดภัย พวกมันถูกใช้ในเครื่องสร้างหมอกควันในโรงละคร ยาพ่นขยายหลอดลมและเครื่องทำให้อากาศสดชื่น (air fresheners) ไม่ก่อให้เกิดควันและผลิตผลจากการเผาไหม้ ทั้งหมดนี้ทำให้เรากล่าวได้อย่างมั่นใจว่าความเสี่ยงที่มีต่อผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปิดนั้นต่ำกว่า 1% เมื่อเที่ยบกับความเสี่ยงที่เกิดจากควันยาสูบ เครื่องพ่นไอนิโคตินทางการแพทย์ได้ถูกใช้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว (โดยไม่มีไอน้ำให้เห็น) และยังไม่มีข้อกังวลใดๆ เกี่ยวกับการใช้ในบริเวณห้ามสูบบุหรี่ อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถมองข้ามถึงความเป็นไปได้ที่บางคนซึ่งอาจจะไวอย่างมากที่จะแพ้ต่อสิ่งเร้า หรือแพ้ต่อความเข้มข้นเพียงน้อยนิดของนิโคตินในอากาศในห้องปิดอันอาจจะได้รับผลกระทบจากไอของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ (หรือไอของเครื่องพ่นไอนิโคตินทางการแพทย์)
อีกเรื่องหนึ่งก็คือพฤติกรรมการเลียนแบบ (modeling) บางคนห่วงว่าการใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในบริเวณห้ามสูบบุหรี่จะทำให้การบังคับใช้กฎเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ทำได้ยากขึ้น หรือเป็นการส่งเสริมผู้เยาว์ให้เห็นว่า การสูบบุหรี่เป็นเรื่อง ปกติ และเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับได้ แต่ข้อสำคัญก็คือ มันง่ายมากที่จะแยกให้ออกระหว่างบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์กับบุหรี่ยาสูบ ผู้ที่คิดว่านี่เป็นเรื่องใหญ่มักจะโอนเอียงไปทางการห้ามใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในบริเวณห้ามสูบบุหรี่
ดังนั้น เราจึงแนะนำว่าควรมีการวิจัยเพื่อหาคำตอบให้กับ 2 เรื่องนี้ (อันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่ไวอย่างมากต่อการแพ้ที่มีจำนวนน้อยมากและ พฤติกรรมการเลียนแบบ) ปัญหาก็คือ การวิจัยนี้อาจจะต้องใช้เงินหลายล้านดอลล่าร์และใช้เวลาหลายปี ด้วยเหตุผลข้างต้นนี้ เราจึงขอสงวนความคิดเห็นไม่ว่าจะในด้านที่เห็นด้วยหรือต่อต้านการห้ามใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในบริเวณห้ามสูบบุหรี่
สำหรับข้อมูลและการวิเคราะห์ที่สนับสนุนคำแนะนำนี้ กรุณาไปดูที่หน้า Tobacco Issues บนเว็บไซต์ของเรา www.aaphp.org และดาวน์โหลดคำร้องต่อ FDA 2 คำร้อง (ประมาณคำร้องละ 20 หน้า) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมคุณสามารถดาวน์โหลดเอกสารอื่นๆ และเอกสารอ้างอิงทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับคำร้องประมาณ 303 หน้า ผมยินดีที่จะตอบทุกคำถามหรือข้อสงสัยทางอีเมลล์
Joel L. Nitzkin, MD, MPH
Chair, Tobacco Control Task Force
American Association of Public Health Physicians
jln@jln-md.com
ที่มา: AAPHP Statement re State Regulation of E-cigarettes
ขอขอบคุณ Wonder Girl ผู้แปลและเรียบเรียง http://thaiecigforum.com/forum/index.php?topic=2956.0